วิธีต้นทุนเป็นวิธีการหลักที่ใช้ในการประเมินมูลค่าบริษัทเมื่อจะทำการซื้อขายกิจการ โดยเน้นไปที่มูลค่าสินทรัพย์สุทธิตามงบดุลของบริษัทเป้าหมาย วิธีการนี้อาศัยข้อมูลจากงบดุล และมักใช้ในการควบรวมและซื้อกิจการ (M&A) ที่เกี่ยวข้องกับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) วิธีการคิดต้นทุนมีหลายวิธี ได้แก่ (1) วิธีมูลค่าตามบัญชี (2) วิธีมูลค่าตลาดยุติธรรม และ (3) วิธีมูลค่าการชำระบัญชี

ข้อดี

1. ความชัดเจนของมูลค่าทรัพย์สินและหนี้สิน:
   วิธีต้นทุนใช้การตรวจสอบเนื้อหาของสินทรัพย์และหนี้สินของบริษัทเพื่อกำหนดมูลค่า กระบวนการนี้ช่วยชี้แจงมูลค่าของสินทรัพย์และหนี้สินที่บริษัทถืออยู่ ช่วยให้การประเมินสินทรัพย์และหนี้สินของบริษัทมีความแม่นยำมากขึ้น โดยให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการประเมินมูลค่าของบริษัท เช่น บริษัทที่เข้าซื้อกิจการ
2. ความเที่ยงธรรมสูง:
   วิธีต้นทุนช่วยให้สามารถประเมินได้อย่างเป็นกลาง เนื่องจากจะคำนวณมูลค่าของสินทรัพย์และหนี้สินที่บริษัทถืออยู่จริง การประเมินจึงมีความน่าเชื่อถือสูง เนื่องจากไม่ได้รับอิทธิพลจากปัจจัยทางความรู้สึกหรือความคิดเห็นส่วนบุคคล
3. เป็นเกณฑ์มาตรฐานสำหรับราคาการเข้าซื้อกิจการ:
   ในการเข้าซื้อกิจการขององค์กร การกำหนดราคาการเข้าซื้อกิจการอาจเป็นประเด็นสำคัญ อย่างไรก็ตาม การประเมินมูลค่าของบริษัทโดยใช้วิธีต้นทุนสามารถใช้เป็นเกณฑ์มาตรฐานสำหรับราคาการเข้าซื้อกิจการในระหว่างการเจรจาระหว่างฝ่ายผู้ขายและฝ่ายผู้ซื้อได้

ข้อเสีย:

1. ยากที่จะสะท้อนถึงผลการดำเนินงานของบริษัทและมูลค่ากำไรในอนาคต:
   วิธีต้นทุนมุ่งเน้นไปที่การคำนวณมูลค่าของสินทรัพย์และหนี้สินที่บริษัทมีอยู่เป็นหลัก ด้วยเหตุนี้ การสะท้อนผลการดำเนินงานของบริษัทหรือมูลค่ารายได้ในอนาคตจึงอาจเป็นเรื่องยาก
2. ไม่สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมหรือตลาดได้:
   วิธีต้นทุนเน้นการคำนวณมูลค่าของสินทรัพย์และหนี้สินของบริษัท ส่งผลให้ไม่สามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมของบริษัทหรือการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้

ในการควบรวมและซื้อกิจการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) วิธีการประเมินมูลค่าที่ใช้กันมากที่สุดคือวิธีต้นทุน โดยวิธีมูลค่าตลาดยุติธรรมเนื่องจากเป็นการประเมินสินทรัพย์และหนี้สินของบริษัทโดยการแปลงเป็นมูลค่าตลาดในปัจจุบัน เมื่อเปรียบเทียบกับวิธีมูลค่าตามบัญชีซึ่งอาศัยราคาทุนในอดีต วิธีมูลค่าตลาดยุติธรรมมีข้อได้เปรียบเนื่องจากติดตามการเปลี่ยนแปลงในมูลค่าตลาดของสินทรัพย์ ซึ่งหมายความว่านำเสนอมูลค่าของบริษัทที่เป็นปัจจุบันและถูกต้องมากขึ้น ทำให้เป็นตัวเลือกที่ต้องการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาวะตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

---

ติดต่อเราผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย